ข้อมูลจาก Technology Radar Vol. 18 ล่าสุดนั้น
หลัก ๆ เป็นเรื่องของเทคโนโลยีต่าง ๆ บน web browser ที่มากขึ้น
ทำให้ฝั่งผู้ใช้งานใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนการทำงานฝั่ง server ลดน้อยลงเรื่อย ๆ
ยกตัวอย่างเช่น
- WebAssembly
- Web Bluetooth ทำให้ native application บน browser สามารถใช้งาน Bluetooth ได้เลย รวมทั้ง Physical Web ยิ่งทำให้การทำงานบนมือถือง่ายขึ้น
- พวก CSS ก็ไม่น้อยหน้ามีทั้ง CSS Grid Layout และ CSS Modules ออกมาให้ใช้งาน
การใช้งาน Cloud น่าจะเป็นสิ่งพื้นฐานไปเสียแล้ว
ทั้ง Google Cloud Platform (GCP)
ทั้ง Microsoft Azure
ส่วนการจัดการในระดับ application นั้นจะใช้งาน Kubernetes กันเป็นหลัก
ส่วนแนวปฏิบัติที่จำเป็นมาก ๆ คือ
Continuous Delivery และ Infrastructure as a Code
ซึ่งช่วยทำให้ง่ายต่อการ deploy ระบบงาน
ซึ่งช่วยทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ของระบบงาน
ในการพัฒนา software เรื่อง security นั้นสำคัญและมีความจำเป็นอย่างมาก
เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจาก
ถ้าเป็นระบบภายในจะเชื่อใจซึ่งกันและกัน
ดังนั้นจะไม่มีการ verify หรือ ตรวจสอบกัน
แต่ในปัจจุบันนั้นเขาสู่ยุค เชื่อใจกันแต่ต้อง verify ก่อนเสมอ
ทำให้สามารถตรวจสอบได้ในทุก ๆ ส่วน
รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับระบบอีกด้วย
โดยจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ทำงานแบบอัตโนมัติให้ใช้งานด้วย
ส่วนเรื่องของ IoT (Internet of Things) ก็ยังคงพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งแนวทางการพัฒนาที่ดี และเรื่องของ security
ดังจะเห็นได้จากที่ Cloud Provider ต่าง ๆ ล้วนมีบริการต่าง ๆ ออกมาให้ใช้งาน
ยกตัวอย่างเช่น
Google IoT Core
AWS IoT
Microsoft Azure IoT Hub
รวมทั้งยังมี platform ต่าง ๆ ออกมาสนับสนุนอีกด้วย เช่น EMQ และ Mongoose OS
ส่วนสิ่งที่น่าสนใจมาก และ เตือนไว้คือ
การกลับมาของ ESB (Enterprise Service Bus) ด้วยการใช้งาน Kafka
เนื่องจาก Kafka ได้รับความนิยมใช้งานสูงมาก ๆ
ทำให้หลาย ๆ องค์กร ก็นำไปใช้แบบผิด ๆ คือ
นำ Kafka เป็นเป็นระบบแบบ centralize หรือแบบรวมศูนย์
แทนที่จะใช้กับ product/service นั้น ๆ ไป
รวมไปถึงเรื่องของ API gateway ที่มาพร้อมกับ Microservices
แนวทางของ API gateway เพื่อรวมศูนย์ของการเรียกใช้งาน Microservices ให้ง่าย
รวมทั้งการจัดการเรื่องทั่วไปเช่น authentication, authorization และ rate limit เป็นต้น
แต่เมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ พบว่า
เรานำ business logic ไปใส่ในส่วนนี้ หรือที่เรามักเรียกว่า Middleware
ทำให้ระบบงานมีความซับซ้อน และ ยากต่อการทดสอบอีกด้วย
เรื่องใหม่ที่น่าสนใจคือ Generic Cloud Usage
นั่นคือเรามักจะใช้งาน feature ที่มีอยู่ในทุก ๆ Cloud Provider เท่านั้น
เพื่อง่ายต่อการประเมินค่าใช้จ่าย
ที่สำคัญกลับทำให้เราไปผู้ติดกับ Cloud กันอีก
ทั้ง ๆ ที่เราไม่ต้องการไปผูกติดกับสิ่งใดเลย ใช่ไหม ?
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ
พิจารณาว่า เราต้องการทำอะไร ใช้อะไรบ้าง
จากนั้นจึงไปดูว่า ใน Cloud Provider ต่าง ๆ มีสิ่งที่เราต้องการหรือไม่
เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
ไป Download อ่านเพิ่มเติมได้ PDF :: Technology Radar Vol. 18