หลวมตัวลงสมัครวิ่งงานตะนาวศรีเทรลที่จังหวัดราชบุรี
ระยะที่ลง 73 กิโลเมตร (TAB = Tanaosri Along the Border)
เขาบอกกันว่าแต่ก่อนมันคือ boss ใหญ่ของเขาตะวันตก
แต่ปีนี้เพิ่มระยะ 110 กิโลเมตรขึ้นมา
ดังนั้นระยะ 73 กิโลเมตรจึงกลายเป็นรอง boss ไป
ตรงนี้มารู้ก่อนจะวิ่งนั่นแหละ !!

ก่อนวิ่งมาดูแผนที่วิ่งของ TAB กันหน่อย

ส่วนความชันสะสมก็แค่นี้ !!!

มาเริ่มวิ่งกันดีกว่า

เวลาวิ่งดีมาก ๆ เริ่มวิ่งกันตอนสามทุ่มในวันเสาร์และไปจบในวันอาทิตย์เวลา 17.30 น.
อุณหภูมิตรงจุดปล่อยตัวก็ 17-19 องศาเซลเซียส !!
(ทุก ๆ 100 เมตรจะเย็นลง 1 องศาเซลเซียส )
ปีนี้โชคดีที่ฝนไม่ตก ทำให้ทางไม่ลื่น
แต่สิ่งที่ได้มาคือ พื้นแห้งจนลื่น
นี่ข่าวดีใช่ไหม
คนวิ่งทั้งหมด 600 กว่าคน !!

ก่อนวิ่งมาดูจุด Cut off กันหน่อย

ซึ่งมีอยู่ 4 จุดคือ

  1. A7 ต้องถึงก่อน 8 โมงเช้า
  2. A8 ต้องถึงก่อนเที่ยง
  3. COT ต้องถึงก่อนบ่ายสามครึ่ง
  4. FINISH ต้องถึงเส้นชัยก่อน 17.30 น.

ความสนุกของการวิ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงแรกคือ ไป A1 (12 กิโลเมตร)

วิ่งถนนไปไม่เกิน 2 กิโลเมตรก็ขึ้นเขากันเลย (ใครอยากขึ้นเขาเร็ว ๆ ต้องทำเวลาตรงนี้)
จุดนี้คนที่มาวิ่งเรียกว่า เนินหรือเขารับน้อง
เป็นทางไม่ยาก ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สูง แต่ต้องต่อคิวขึ้น
เพราะว่าทางส่วนใหญ่เป็น single track
ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวขึ้น แต่พอขยับตัวก็ลืมความหนาวไป
ทำให้เดินและวิ่งไปได้เรื่อย ๆ เนินแถวนี้เขาเรียกว่า เนินอนันต์
อีกอย่างที่ทุกคนได้รับคือ ฝุ่นเยอะมาก ๆ !!

เข้า A1 แบบชิว ๆ แวะหาโอวันตินร้อน ๆ กินและเติมน้ำก็ออกไปวิ่งต่อ
ทางคนจัดแนะนำว่า อย่าพักนาน มันหนาว !!

เป้าหมายต่อไปคือ A5 (11 กิโลเมตร)

วิ่งบนถนนไปประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นก็เข้าป่าขึ้นเขากันไปเลย
ในส่วนนี้เริ่มวิ่งง่าย แยกเป็นกลุ่มของนักวิ่งชัดเจนขึ้น
อากาศก็เริ่มหนาวลงเรื่อย ๆ
ทางวิ่งก็สนุกมาก ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ กันตลอด
หลาย ๆ คนเริ่มทำเวลาได้ ผมก็พอทำเวลาได้บ้าง

แต่สิ่งที่ประหลาดใจมาก ๆ คือ
ที่ A5 คน DNF หรือออกจากการแข่งขันเยอะเลย
(มีรถรอรับเลย แถมมีแจ้งด้วยว่าใครจะ DNF ขึ้นรถเลย)
ทั้งอากาศที่หนาวลงมาก
ทั้งมีอาการบาดเจ็บ
ทั้งกลับตามเพื่อน
ทั้งอุปกรณ์วิ่งตอนกลางคืนไม่ครบ เช่น ลืมเอาถ่ายไฟฉายมา

มาถึงตรงนี้อาการผมยังดี มีตึง ๆ ขานิดหน่อย 
เลยแวะนวดเล็กน้อย เติมน้ำ เติมพลังงานแล้วออกวิ่งต่อ
เพราะว่าเป้าหมายต่อไปคือ เขากระโจม อีกประมาณ 13 กิโลเมตร
ตรงนี้อยู่นานกว่า A5 ทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมากพอควร

ออกเดินทางไปเขากระโจม A6 ขึ้นแบบไม่รู้จบ (13 กิโลเมตร)

ออกจาก A5 ก็วิ่งลงไปตามถนนประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นก็ขึ้นเขา
ซึ่งของจริงมันเริ่มตรงนี้นี่เอง
ทางขึ้นเขากระโจม สนุก โหดดีมาก ๆ 
เป็นถนนดินลูกรัง ดินแดง ฝุ่นเพียบ
ขึ้นและขึ้นและขึ้นและขึ้น ไปเรื่อย ๆ
ช่วงแรก ๆ พอวิ่งได้ ช่วงหลัง ๆ เดินกระจาย
เส้นทางไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เพราะว่า focus ไปแต่ที่ถนน 
เพราะว่ามืดมาก ต้องเล็งตามไฟฉาย
ตอนนี้ขาเริ่มตึง ๆ กันเป็นแถว รวมผมด้วย แต่ก็พอไปได้

อากาศเริ่มเย็นลงอีกแถมมีลมด้วย
เจอนักวิ่ง 110 กิโลเมตร สวนมาและนอนข้างทางเพียบ
ที่สำคัญวิ่งมาทั้งคืนหลาย ๆ คนมีอาการง่วง
แต่สำหรับ programmer แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าทำประจำกัน !!

ในช่วงขึ้นเขากระโจม เห็นดาวบนท้องฟ้าสวยมาก ๆ
แต่พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่วิ่งมาด้วยกันบอกว่า
เดี๋ยวเราต้องขึ้นไปถึงดาวตรงนั้นละนะ !!
ดังนั้นก้มหน้าดันขึ้นไปต่อ …

ดันไปเรื่อย ๆ เริ่มเจอนักวิ่งลงมา ก็เลยรีบดันขึ้นไป
พอถึงยอดเขากระโจม ลมแรงมาก รับสติกเกอร์ เติมน้ำ เติมพลังต่อ
แถมมีชาวบ้านมาขายของกินด้วย เลยจัดมาม่าไป 1 ถ้วย 

พอกินเสร็จเท่านั้นแหละ งานเข้าเลย
ท้องไส้ปั่นป่วน !!
เลยต้องแวะเข้าห้องน้ำที่ยอดเขากระโจม ทำให้เสียเวลาตรงนี้ไปนานเลย
ถ้าจำไม่ผิดตรงนี้ใช้เวลานานไป
จะเช้าแล้วน่าจะตีห้ากว่าได้ !!
เหลือระยะประมาณอีก 10 กิโลเมตรกว่าจะถึงจุด cut off แรกเวลา 8 โมงเช้า
ดังนั้นรีบดีกว่า !!

วิ่งหนี cut off แบบไม่คิดชีวิต ไปที่ A7  (10 กิโลเมตร)

ความสนุกมันอยู่ตรงนี้ หลังจากถ่ายท้องเรียบร้อย
เติมพลังงาน เปลี่ยนถ่านไฟฉายเรียบร้อย
ก็รีบลงจากเขากระโจม
ดูเวลาแล้วเหลือเวลาไม่เยอะเลย
มองไปบนท้องฟ้า ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
ไปได้สักกิโลเมตร มองเห็นทางได้อย่างชัดเจน
ไม่น่าเชื่อว่าจะขึ้นกันมาได้
เก็บไฟฉาย เก็บของ จากนั้นดูเวลา ได้เวลาต้องวิ่งแล้ว
เพราะว่า เหลือระยะทางอีกไกลเลย
ก็วิ่ง jog และเดินไปเรื่อย ๆ จนไปถึงถนนคอนกรีตเข้าหมู่บ้าน
เป็นทางลงยาว ๆ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร
ดูเวลาแล้ว ต้องวิ่งเร็ว ๆ กันแล้ว
ก็จัดเลยประมาณ pace 6-7 กันไป
ตอนวิ่งลงก็เจาคนเดินสวนขึ้นมา ให้กำลังใจกันไป
(คิดในใจลงแล้วก็ต้องขึ้นนี่หว่า !! ซวยละ)

พอมาถึง A7 ทางทีมงานบอกว่าเหลือเวลา cut off อีก 30 นาที
ให้รีบเติมพลัง เติมน้ำ แล้วรีบออกไป เพราะว่า sweeper เตรียมตัวแล้ว !!
งานเข้าเลยต้องรีบแล้วเรา ชิวมานานเกินไป
ช่วงนี้ได้รับสายรัดข้อมือ
DIE

ใน A7 ไม่มีโอวันติน ข้าวต้มรอคิวนาน เสียเวลามากไป
เลยจัดขนมปังราดนมไป 3 ชุด ตามด้วยน้ำร้อน
จากนั้นเติมน้ำ นวดขาแล้วรีบออกไปเลย
ตอนนี้คิดอย่างเดียวคือ หนี cut off ให้เยอะกว่านี้

ออกเดินทางไป A7 เขาแหลมเฟี้ยวและบ้านกี้ (13 กิโลเมตร)

ตอนที่ออกมาจาก A7 มีเวลาเหลือแค่ 20 นาที
ดังนั้นจึงรีบเดินและ jog ขึ้นเขาประมาณ 4 กิโลเมตร
จากที่ลงมาเร็ว ขึ้นก็เร็วเช่นกัน
ตรงนี้ขาขึ้นใช้เวลาไป 40 นาที
หัวใจเต้นแรงส์มาก ๆ
แต่ต้องทำเวลาให้ดีขึ้น ช่วงนี้แซงแหลก !!

พอเข้าไปในป่า ก็เริ่มเข้าสู่ทางที่ผ่านมาเมื่อคืน
แต่พอเช้าแล้วเห็นทางชัด วิ่งได้ง่ายขึ้นมาก ๆ
ช่วงนี้คือเขาแหลมน้อย หรือทางทีมงานเขาเรียกว่า เขาแหลมเฟี้ยว
ก็ดันไปเรื่อย มีกลุ่มทั้งวิ่งทั้งเดิน ทั้งดันไปด้วยกัน เดินไปบ่นกันไป เมื่อไรจะถึง !!
แต่ก็ไปเรื่อย ๆ จนถึง A8 หรือ บ้านกี้
ตรงนี้ทำเวลาเพิ่มจากเหลือ 20 นาที เป็น 40 นาที
เลยได้พักหายใจหายคอเยอะเลย

ลงมาที่บ้านกี้ มีน้ำอัดลมให้กินด้วย ชอบมาก ๆ พลังเพิ่มเยอะเลย
อาหารไม่ค่อยอร่อย แต่ก็ต้องกิน
ตบด้วยขนมปังราดแยมอีกสัก 2 แผ่น
แถมมีซุ้มนวด เลยจัดไป 2 ขาเลย
นั่งพัก charge batt ของนาฬิกานิดหน่อย
พอร่างกายพร้อม ใจพร้อม
ก็พร้อมแล้วที่จะขึ้นเขาแหลมของจริงแล้ว
ระยะขึ้นเขาแหลมไม่ไกลแต่โครตชัน !!

ปีเขาแหลมสูง ๆ ชัน ลงเขาแบบเรียงคิวยาวเพื่อไป COT ต้องถึงก่อน 15.30 น. (8 กิโลเมตร)

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชันสุด ๆ ของเส้นทางแล้ว
ก็ดันกันไปเรื่อย ๆ ห้ามหยุดนานเพราะว่า จะทำให้ท้อได้
แต่ว่าเคยมาขึ้นเขาแหลมตรงนี้แล้ว
ทำให้จำเส้นทางได้ เลยช่วยให้ไม่ท้อมากนัก
ทางที่เคยขึ้นยาก ก็ไม่ยากแล้ว เพราะคนมาซ้อมกันเยอะ

แต่ที่มันยากคือ ตอนลงมากกว่า
เพราะว่า เริ่มเจอคนที่ลงแข่งระยะ 30 กลุ่มหลัง ๆ 
ที่สำคัญคือ ทางลงเพื่อไป COT มันชันมาก ๆ และเป็น single track 
พลาดพลั้งไปอาจจะตกเขาได้
ทำให้กลุ่มที่มาด้วยกันยืนรอวนไป
บางช่วงกิโลเมตรโดนไป 32 นาที (จะรอด cut off เวลา 15.30 น. ไหม )

เห็นท่าทีแล้ว อาจจะไม่ทันหรือไม่ก็เฉียดมาก ๆ
ก็เลยหาจังหวะเหมาะและปลอดภัยเพื่อแซง
พอแซงได้เท่านั้นแหละ วิ่งยาว ๆ ไม่คิดชีวิต
เป็นทางลงซะส่วนใหญ่จึงทำเวลาได้ดี
ช่วงนี้ไม่ค่อยยากเท่าไร
กำลังใจดีขึ้นเยอะ
ไปถึง COT ได้รับสายรัดข้อมือ DO แบบไม่ยาก

ปล. ผ่านตรงนี้ไป 100 เมตร จะมีน้ำให้เติม
แต่ว่าช่วงที่ผมผ่าน หมด นะ 
ดังนั้นถ้าใครเตรียมน้ำมาไม่พอจาก A7 มีหวังพังแน่ ๆ
แต่ข่าวดีคือ ไปอีกสัก 1-2 กิโลเมตร 
พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือทหารทำการกรองน้ำไว้ให้เพียบเลย แจ่มมาก ๆ

มาถึงตรงนี้ก็ล้างหน้าล้างตา เพื่อขึ้นเขาลูกสุดท้ายคือ เขาเขียว และเข้าสู่เส้นชัย (7 กิโลเมตร)

เขาเขียวไม่ชันเท่าเขาแหลม แต่ก็ไม่ธรรมดา
เพราะว่าโดนนวดมาตลอด 60 กว่ากิโลเมตรแล้ว !!
ขาก็เริ่มตึง ๆ ต้องหยุดนวดและฉีดสเปร์เรื่อย ๆ

มาถึงตรงเขาเขียวก็เดินขึ้นสลับหยุดพักหายใจเป็นช่วง ๆ
ความรู้สึกไม่กลัว cut off แล้ว
เพราะว่า ทำเวลาเผื่อไว้เยอะ
จากเดิน 20 นาที จนมาถึงตรงนี้มีเวลามากกว่า 1.30 ชั่วโมงแล้ว
ก็เลยไปเรื่อย ๆ ได้ จนถึงทางลงก็วิ่งมาเรื่อย ๆ
จนมาถึงบ่อน้ำร้อน ดงถ่ายรูป
ก็รู้สึกโล่งใจแล้ว เพราะว่าอีกกิโลเมตรเดียวก็ถึงเส้นชัยแล้ว

พอมาถึงตรงนี้ กลับไปมองดูสนามต่าง ๆ ที่ผ่านมา
พบว่าสนามนี้ยากที่สุดในปีนี้เลย
เพราะว่า น่าจะเป็นระยะไกลที่สุดแล้ว
แถมมาเจอสนามที่ขึ้นสุดลงสุด และอากาศที่หนาวมาก ๆ
ก็ทำให้ความยากและความเข้มข้นสูงมาก ๆ
สนุกและมันส์มาก ๆ

บทสรุป
ใช้เวลาไป 19.18 ชั่วโมง
ได้อันดับที่ 138 ของผู้ชาย รวมน่าจะ 160 มั้ง
ไว้ไปแก้มือใหม่ปีหน้า !!

Tags: