จากบทความเรื่อง 7 Things You Need To Stop Doing To Be More Productive
ได้แนะนำ 7 สิ่งที่เราควรหยุดทำ เพื่อเพิ่ม productivity ให้สูงขึ้น
การทำงานหนักอาจจะไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้องเสมอไป
บางครั้งการทำงานน้อยลง อาจให้ผลที่ดีกว่าก็เป็นได้
ดังนั้น จึงนำมาแปลบางส่วน
มาดูกันว่ามีคำแนะนำดี ๆ อะไรบ้าง ?
หัวใจหลัก ๆ คือ
The key to success is not hard working but smart working.
1. หยุดทำ OT (Overtime) ซะ
คุณรู้ไหมว่าที่มาของการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มันมาจากไหน ?
ในปี 1926 บริษัท Ford Motor Company ได้ทำการศึกษาและทดลอง
จนได้ผลที่น่าสนใจออกมาดังนี้
เมื่อทำการลดจำนวนชั่วโมงการทำงานจาก 10 เป็น 8 ชั่วโมง ต่อวัน
และทำงานจาก 6 เป็น 5 วันต่อสัปดาห์
พบว่า productivity การทำงานของพนักงานเพิ่มสูงขึ้น
แสดงดังรูป
ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมไปอีกว่า
ถ้าทำงานสัปดาห์ละ 60 ชั่วโมง
ติดต่อกันนานไปกว่า 2 เดือน
จะส่งผลให้ productivity ลดลงอย่างมาก
ซึ่งนั่นทำให้การทำงานล่าช้าไปมาก
และที่สำคัญไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้เลย
ยังไม่พอนะ ถ้าในแต่ละวันคุณนอนไม่เพียงพอ
ถ้าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ เช่น ขาดนอนไป 1 ชั่วโมง
นั่นมีผลให้ร่างกายเกิดอาการเมาค้าง เหมือนคนเมา
ดังนั้นอย่าทำงานหักโหม หรือ มากจนเกินไป
และควรพักผ่อนให้เพียงพอ
ซึ่งเป็นวิธีการเดียวที่จะรักษา productivity ให้สูงอย่างต่อเนื่อง
แต่ 70% ของคนทำงานนอนไม่เคยเพียงพอเลย
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมคนทำงานส่วนใหญ่มี productivity ที่แย่
2. รู้จักการปฏิเสธบ้าง
The difference between successful people and very successful people is that very successful people say “no” to almost everything.
— Warren Buffet.
ดังนั้นแทนที่จะรับงานมาทุก ๆ งาน
หรือทำงานหนัก และ เกินกำลังอยู่ตลอดเวลา
ให้ทำเฉพาะสิ่งที่จำเป็น และ สำคัญดีกว่า
แต่คนส่วนใหญ่มักจะพูด yes มากกว่า no
เนื่องจากการพูดปฏิเสธมันยาก
และทุก ๆ คน ไม่อยากเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่น !!
สุดท้ายคนที่ต้องเผชิญความยากลำบาก คือ ตัวคุณเอง
3. หยุดทำทุกอย่างด้วยตัวคุณเอง ให้คุณอื่นทำแทนบ้าง
เมื่อคุณต้องจัดการงานที่เยอะเกินไป
เมื่อคุณต้องจัดการงานที่ใหญ่เกินไป
ส่งผลให้คุณไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด
แต่คุณก็พยายามทำ !!
ผลที่ได้คือ มันเหนื่อยมาก ๆ
ยิ่งทำอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จะพบว่า
สุดท้ายคุณเองนั่นแหละที่จะเหนื่อย จะท้อ และยอมแพ้ไปในที่สุด
ดังนั้น
ลองทำงานเป็นทีม ช่วยกัน และ กระจายงานกันไปทำ
จะพบว่า ผลที่ได้ออกมานั้นมันดีกว่าการทำงานคนเดียวแน่นอน
ดังนั้น
พยายามหาคนมาช่วยทำงานตามที่คุณต้องการ
เนื่องจากคุณไม่สามารถทำทั้งหมดได้ด้วยตัวเองหรอก
ส่งผลให้คุณมีเวลาว่างมากขึ้น
เพื่อจะเอาไป focus กับสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ต่อไปนั่นเอง
4. ลด ละ เลิก ความสมบูรณ์แบบลงไปบ้าง
จากการศึกษาพบว่า perfectionism มันทำให้ productivity ลดลง
ยิ่งมีความ perfectionism มากเท่าไร
จำนวน productivity ยิ่งน้อยลงไปเท่านั้น
ปัญหามันเกิดมาจาก
- แต่ละงานใช้เวลาที่มากจนเกินไป
- รอให้งานมันสมบูรณ์แบบก่อน ซึ่งนั่นมันอาจจะสายเกินไปเสียแล้ว สำหรับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
- ขาดความเข้าใจในภาพใหญ่ของระบบ เนื่องจากสนใจแต่ส่วนเล็ก ๆ มากเกินไป
5. หยุดการทำงานซ้ำ ๆ และเริ่มหาทางให้ทำงานแบบอัตโนมัติซะ
จากการศึกษาพบว่า
แต่ละคนในทีมมักจะใช้เวลาไปกับงานเดิม ๆ ทำซ้ำๆ จำนวนมาก
ดังนั้น ถ้าเราสามารถลดเวลาเหล่านี้ลงไปได้
จะช่วยเพิ่ม productivity อย่างมาก
นั่นหมายความว่า
ถ้าเรานำเอาระบบทำงานแบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย
จะทำให้ productivity สูงขึ้นอย่างมาก
แสดงดังรูป
แต่ถ้าคุณทำไม่ได้
แนะนำให้กลับไปอ่านข้อ 3 นะ !!
6. หยุดการเดา และ ใช้ความรู้สึก แต่ให้ใช้ข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจ
หยุดนโม หรือ คิด หรือ รู้สึกไปเอง
บอกตัวเองไว้เสมอว่า
ถ้าคุณต้องการจะตัดสินอะไร
ถ้าคุณต้องการจะวัดอะไร
ถ้าคุณต้องการจะปรับเปลี่ยนอะไร
ถ้าคุณต้องการจะปรับปรุงอะไร
การเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง และ รอบด้าน
จะช่วยนำทางคุณ ไปยังแนวทางที่ถูกต้องกว่าได้
7. หยุดทำงานบ้าง หาเวลาเพื่อที่จะไม่ทำอะไรบ้าง นั่นคือ พักผ่อนบ้างนะ
ออกไปข้างนอกกล่อง หรือ ห้องของคุณบ้าง
ออกไปเดิน ออกไปพักผ่อน
ไปสูดอากาศธรรมชาติเสียบ้าง
ออกห่างจากงานที่คุณหมกหมุ่นบ้าง
ให้เวลากับตัวเองอยู่ตามลำพังเสียบ้าง
ซึ่งมันส่งผลดีต่อสมอง และ อารมณ์ความรู้สึกของคุณ
ดังนั้นให้คุณหยุด และกลับมามองตัวเราเอง
เรามักจะพบว่า เราจะหาวิธีการแก้ไขสิ่งต่าง ๆ
ได้จากการไม่คิดถึงมัน
แปลกดีไหม !!!
ดังนั้นจงลงมือปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตกันเถอะ
อย่าหวังว่า การนั่งเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร
แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่สำคัญคือ
คุณต้องทำการเรียนรู้ว่าร่างกายคุณเป็นอย่างไร
ถ้ามีปัญหาอะไร ก็หาทางแก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้น
แล้วเราจะมีความสุขในชีวิตมากขึ้น