จากหนังสือ It Doesn’t Have to Be Crazy at Work นั้น
แบ่งเนื้อหาออกเป็นหัวข้อย่อยสั้น ๆ ทำให้อ่านง่ายมาก ๆ
ที่สำคัญแต่ละเรื่องก็มีความสนุก น่าสนใจ
จึงทำการบันทึกการอ่านหนังสือเล่มนี้ไว้นิดหน่อย
ซึ่งแบ่งตามหัวข้อที่ชอบเป็นการส่วนตัว
มาเริ่มกันเลยกับเรื่องแรก Effective > Productive (หน้า 50 และ 51 อยู่ในกลุ่ม Defend Your Time)

คนส่วนใหญ่มักจะสนใจเกี่ยวกับ
Hacking productivity
Improve หรือ ปรับปรุง productivity ในแต่ละวัน
มีทั้งวิธีการ มีทั้งเครื่องมือที่หลากหลายอย่างมากมาย
แต่คำถามที่น่าสนใจคือ จะปรับปรุง productivity ไปเพื่อไร ?

เราพยายามหาวิธีให้สามารถทำงานได้มากกว่าเดิม ในเวลาเท่าเดิมกันหรือไม่ ?

เนื่องจาก productivity นั้นมันใช้สำหรับเครื่องจักร
ไม่ได้ใช้หรือเหมาะสำหรับคนเลย
เครื่องจักรนั้นสามารถทำงานได้ตลอดเวลาหรือ 24×7 ส่วนคนนั้นไม่สามารถทำได้
ดังนั้นจะเพิ่มหรือปรับปรุง productivity ไปทำไม

ยิ่งเราเน้นไปที่ productivity มากเท่าไร
สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความยุ่ง
เนื่องจากเราจะมีงานทำอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่างเลย
ที่น่ากลัวคือ ยิ่ง productivity ดีขึ้นมากเท่าไร งานก็จะเยอะมากขึ้นเท่านั้น
มันไม่ใช่ less is more เลยนะ !!

ซึ่งเรื่อง productivity นั้น ที่ Basecamp จะไม่เชื่อเรื่องนี้เลย
แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญมาก ๆ คือ เรื่องของ Effective
นั่นคือ การให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำ
ทำอย่างไรให้งานที่ทำมันเล็กลง ?
ทำอย่างไรเราถึงจะลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป ?
ดังนั้น แทนที่จะทำการเพิ่มงานเข้ามา
กลับเน้นไปที่การลดงานที่ไม่จำเป็นออกไป หรือ การเพิ่ม to-don’t list เข้ามานั่นเอง

ดังนั้นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นคือ คุณต้องไม่ยุ่ง
มีเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น
ไปดูหรือหาสิ่งอื่น ๆ ทำบ้าง
มีเวลาพักผ่อน ผ่อนคลายบ้าง
หรือเอาไปทำเรื่องไร้สาระดูบ้าง
หรือถ้าจะให้แจ่มไปเลย คือ ไม่ต้องทำอะไรเลย !!

ถ้าในแต่ละวันคุณมีงานต้องทำประมาณ 3 ชั่วโมงก็พอแล้วนะ
ไม่ต้องเพิ่มไปถึง 5 ชั่วโมง หรือคิดว่าเพิ่มเพื่อให้ productivity สูงขึ้น
เพราะว่ามันจะทำให้คุณยุ่งมากเกินไป ดังนั้นอย่าทำ !!

ปล. แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอะไรเลยนะ
แต่การจะทำสิ่งใดก็ตาม มันต้องคุ้มค่า กับเวลาที่คุณสูญเสียไป

วันนี้เราเน้นสิ่งใดมากกว่ากัน
หรือทำ ๆ มันไปเหอะ เขาสั่งมาแล้ว

ปล.
ซึ่งถ้าใครอ่านหนังสือเรื่อง Remote และ Rework มาน่าจะคุ้นเคยดี