Screen Shot 2558-10-08 at 3.12.45 PM

ไม่ได้ไปร่วมงาน Agile Bangkok Meetup
Jeff Patton: How doing the little things well makes the big things possible
เสียดายมากมาย ดังนั้นจึงลองไปค้นหา VDO จากงานอื่น ๆ
เลยไปเจอ VDO นี้ที่งาน GOTO Conference 2015

เลยนำมาสรุปนิดหน่อย

ผมชอบประโยคนี้มาก ๆ

Good UI is not mean Good software !!

และ

It’s the small things we do everyday that matter most

ทุกคนรู้จัก และ ใช้ Agile, Extreme programming

แต่กลับพบว่า
มันทำให้เกิดความซับซ้อนมากกว่าเดิม
ทำไมเราไม่ทำให้มันเรียบง่าย ไม่มากเรื่องล่ะ !!

มันบ่งบอกว่า
เรากำลังเดินมาผิดทางหรือเปล่านะ ?
ทำไมเราต้องทำให้มันยากด้วยนะ ?
ดังนั้นมาปรับ เปลี่ยน ให้มันง่าย ๆ กันเถอะ

สิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ คือ 9 สิ่งที่ช่วยให้ทำสิ่งที่ยาก ให้ง่ายขึ้น
แน่นอนว่า มันทำให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น
มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. Show me what you are thinking

บ่อยครั้งเราพบว่า
สิ่งที่ลูกค้าคิด มักจะต่างจากทีมพัฒนาโดยสิ้นเชิง !!
เนื่องจากมีขั้นตอนการทำงานมากไป

ดังนั้นนำคนที่เกี่ยวข้องมาคุยกัน
และมาพูด มาคุย ในสิ่งที่คิด
เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เรียก session นี้ว่า Grooming

เมื่อทุกคนเห็นภาพเดียวกันแล้ว
มันน่าจะทำให้อะไร ๆ ดีขึ้นกว่าเดิม และง่ายกว่าเดิมนะ
สุดท้ายมันคือ Shared Understanding และ Collaboration นั่นเอง

ประโยคที่โดนใจ น่าจะทำให้ใครหลาย ๆ คนเจ็บก็ได้คือ

Shared Documents aren’t shared understanding

ลองกลับไปดูที่บริษัท ทีมของคุณสิ
เป็นแบบนี้หรือไม่ ?

ดังนั้นอย่านำเอกสารมาแทนที่การพูดคุย
ถ้าคุณทำอยู่ หยุดเถอะนะ !!

คำแนะนำ
ถ้ามีการพูดคุย ประชุม อะไรก็ตาม
แนะนำให้ทุก ๆ คนไปอยู่หน้า Whiteboard
ขีด ๆ เขียน ๆ ในสิ่งตัวเองคิด
ใช้ post-it และ sticker เพื่ออธิบายอะไรบางอย่างซะ

2, 3, 4, 5 Flare/ Shut up / Focus / Timebox

ให้หยุดพูด !!
ให้หยุดฟุ้ง !!
ให้หยุดย้อนอดีต !!
แต่ให้คิด และ หารูปแบบในการทำงานร่วมกันของทีม
นั่นคือ ให้ทุกคน focus กับสิ่งที่กำลังทำ

Screen Shot 2558-10-08 at 2.33.15 PM

เช่นให้แต่ละคน คิด และ ขีดเขียน วาดรูป
ในสิ่งที่แต่ละคนคิด ในเวลาสั้น ๆ เช่น 5-10 นาที (Exploring หรือ Emergent)
แล้วกลับมา share idea ของแต่ละคน
จากนั้นทำการตัดสินร่วมกัน เพื่อหาแนวคิดที่แจ่ม ๆ ต่อไป

Screen Shot 2558-10-08 at 2.36.27 PM

อย่าลืมว่า
ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ก่อนลงมือทำ
และให้ทำการตรวจสอบเสมอว่า
ผลจากการลงมือทำนั้น มันตรง หรือ เข้าใกล้กับเป้าหมายหรือไม่

อย่าลืมว่าต้องกำหนด timebox ด้วยนะ เช่น 20 นาที
เพื่อให้กลับมาดูผลงานของการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
นั่นคือการ หยุด เพื่อ reflect สิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่อง
ไม่เช่นนั้น คุณจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

6. Un-invite someone

การพูดคุยที่มีประสิทธิภาพมากสุด ๆ
คือ การพูดคุยในระหว่างการกินอาหารนั่นเอง (Dinner conversation sized)
หมายถึง small people is better นั่นเอง

แต่ถ้ากลุ่มใหญ่ ก็แบ่งเป็นกลุ่มย่อย ๆ สิ
และให้พูดคุยแบบมี timebox
หลังจากนั้นแต่ละกลุ่มกลับมาอธิบายผลลัพธ์ที่ได้ (integrate result)
คล้าย ๆ การทำ workshop นั่นเอง

7. Get out more / get out the building

ออกไปดูโลกข้างนอกบ้าง
ออกไปดูลูกค้าบ้าง
ออกไปดูว่าทีมงานทำงานอย่างไร
ออกไปดูว่าว่าแต่ละคนทำงานอย่างไร
ออกไปลองทำ หรือ ให้คนทำงานบอกว่าทำอะไร
ออกไปพูดคุย รับฟัง จากลูกค้า และ คนทำงานบ้าง

แล้วคุณจะพบกับความจริงมากมาย

8. Act

Thinking is overrated
Doing is the best kind of thinking

ดังนั้น คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก
รูปเดียว อธิบายทุกอย่าง

Screen Shot 2558-10-08 at 2.54.56 PM

9. พักผ่อนบ้างนะ

Slide จาก Agile Bangkok Meetup
งานหน้าไม่พลาดอีกแน่นอน